FEATUREHOW-IT-WORKPRICINGMISSIONQUESTIONAFFILIATESBLOGCONTACT US
FEATURE HOW-IT-WORK PRICING MISSION QUESTION AFFILIATES BLOG CONTACT US

เคล็ดไม่ลับ! วิธีเขียนคอนเทนต์บนเว็บไซต์ง่ายๆ ด้วย AI

Category LEARN

superadmin

ในยุคดิจิทัลที่เต็มไปด้วยคอนเทนต์แบบไร้ขีดจำกัด สิ่งที่ทุกคนกำลังมองหาคือ ไอเดียการทำคอนเทนต์บนเว็บไซต์ที่น่าสนใจ มีความโดดเด่น และแตกต่างจากคนอื่นๆ แม้ว่าใครหลายคนอาจมองว่าเป็นเรื่องยากและค่อนข้างเสียเวลา แต่ด้วยการใช้ AI (Artificial Intelligence) หรือที่เรียกกันว่า ปัญญาประดิษฐ์ นั้น กลับกลายเป็นผู้ช่วยมือหนึ่งที่ทำให้การเขียนบทความและคอนเทนต์อื่นๆ นั้นมีความสะดวกสบาย และช่วยประหยัดเวลาได้เป็นอย่างมาก


วันนี้ เราเลยมีบทความดีๆ ที่จะมาแนะนำ วิธีที่จะทำให้การเขียนคอนเทนต์บนเว็บไซต์ของคุณเป็นเรื่องง่าย ด้วยพลังของ AI ไม่ว่าคุณจะเป็นนักเขียนมือใหม่ หรือเป็นผู้มีประสบการณ์ มาดูเคล็ดลับและแนวทางใหม่ๆ ที่จะช่วยเปลี่ยนการเขียนคอนเทนต์ของคุณไปตลอดกาล!


วิธีทำคอนเทนต์บนเว็บไซต์ มีอะไรบ้าง?


ในการทำเว็บไซต์ให้น่าสนใจนั้น เรื่องของคอนเทนต์ หรือการเขียนเนื้อหาต่างๆ นั้นถือเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะจะช่วยให้เว็บไซต์มีคุณภาพ มีความน่าดึงดูด และทำให้เว็บไซต์เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น จึงจำเป็นที่จะต้องทำคอนเทนต์ให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายของคุณ แต่เนื้อหาที่ดีเพียงอย่างเดียวก็ไม่อาจทำให้เว็บไซต์เป็นที่นิยมได้ ดังนั้นคุณควรพิจารณาเรื่อง SEO ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธการทำคอนเทนต์ แต่ก่อนที่จะไปถึงเรื่องนั้น เรามาดูเทคนิคเคล็ดลับและขั้นตอนในการทำคอนเทนต์บนเว็บไซต์กันเลยดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง


1. กำหนดเป้าหมายหลักของเว็บไซต์


การกำหนดเป้าหมายหลักของเว็บไซต์เป็นขั้นตอนที่สำคัญ โดยควรพิจารณาเป้าหมายหลักของแต่ละหน้า (Page) เช่น หน้าแรก (Landing Page) หน้าการขาย (Sale Page) หน้าติดต่อ (Contact Page) หรือหน้าอื่นๆ ว่ามีเพื่อจุดประสงค์ใดบ้าง เช่น การขายสินค้า การแนะนำข้อมูล การรีวิว การให้ความรู้ การให้บริการลูกค้า ฯลฯ ซึ่งเมื่อเรามีเป้าหมายหลักแล้วก็จะทำให้เราสามารถมองเห็นภาพรวมของเว็บไซต์ และช่วยทำให้เว็บไซต์สมบูรณ์แบบตามที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้ 


2. ศึกษากลุ่มเป้าหมาย


ขั้นตอนต่อไปคือดูว่าใครคือกลุ่มเป้าหมายของคุณ เพราะไม่ว่าจะทำคอนเทนต์ในหน้าขายสินค้า หน้าแลนด์ดิ้งเพจ หรือหน้าเกี่ยวกับเรา ทุกๆ หน้าบนเว็บไซต์ ควรถูกสร้างขึ้นเพื่อตอบโจทย์กับกลุ่มเป้าหมายที่คุณได้กำหนดไว้ โดยการศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสม สามารถทำได้หลายวิธี เช่น



  • การสำรวจผ่านรายชื่อลูกค้าที่มีอยู่
  • การพูดคุยกับลูกค้า
  • การประเมินสิ่งที่กลุ่มเป้าหมายสนใจบนโซเชียลมีเดีย
  • การใช้เครื่องมือ SEO เช่น Ahrefs หรือ SEMRush เพื่อรับรู้ว่ากลุ่มลูกค้าเป้าหมายกำลังค้นหาสิ่งใด หรือสนใจสิ่งใดเป็นพิเศษ ยกตัวอย่างเช่น หากทำเว็บไซต์ของโรงพิมพ์กล่องบรรจุภัณฑ์ ลูกค้าส่วนใหญ่มักมองหาบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การออกแบบการพิมพ์ที่กำหนดเอง หรือการใช้กล่องกระดาษที่ทนทาน เป็นต้น


ซึ่งการศึกษาและทำความเข้าใจถึงความชอบและประเด็นปัญหาของกลุ่มเป้าหมาย เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการทำเว็บไซต์ที่มีคุณภาพและตรงตามความต้องการของพวกเขา


3. ระบุความต้องการของลูกค้า


หลังจากที่เรารู้จักกลุ่มเป้าหมายของเราแล้ว ขั้นตอนต่อมาคือการระบุความต้องการของลูกค้ารวมถึงปัญหาที่ลูกค้าเผชิญอยู่ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้เราสามารถปรับเนื้อหาในเว็บไซต์ให้ตรงตามความต้องการของลูกค้ามากขึ้น โดยประเภทของความต้องการสามารถแบ่งได้ 4 หมวดหมู่ ดังนี้



  1. การซื้อขาย (Transactional): สำหรับลูกค้าที่มีจุดประสงค์เพื่อการซื้อสินค้า คำค้นหามักจะเน้นไปที่สินค้าที่ต้องการและโปรโมชั่นที่เกี่ยวข้อง ตัวอย่างเช่น: ค้นหา “หูฟังไร้สาย โปรโมชั่น”
  2. การค้า (Commercial): สำหรับลูกค้าที่ยังไม่ตัดสินใจซื้อแต่อยากทราบข้อมูลเพิ่มเติม เช่น บทวิเคราะห์ บทความรีวิว หรือเปรียบเทียบระหว่างสินค้า ตัวอย่างเช่น: ค้นหา “เปรียบเทียบกล้อง Canon กับ Nikon”
  3. การนำทาง (Navigational): เมื่อลูกค้าต้องการเข้าถึงเว็บไซต์หรือแหล่งข้อมูลเฉพาะ เช่น การค้นหาชื่อแบรนด์หรือเว็บไซต์เฉพาะ ตัวอย่างเช่น: ค้นหา “Lazada หน้าแรก”
  4. ข้อมูล (Informational): สำหรับลูกค้าที่ต้องการคำแนะนำ ข้อมูลหรือคำตอบเกี่ยวกับเรื่องที่สนใจ เช่น การค้นหาสูตรอาหารหรือวิธีการทำบางสิ่ง ตัวอย่างเช่น: ค้นหา “วิธีทำไอศครีมโฮมเมด”


เมื่อเราทำความเข้าใจถึงความต้องการแต่ละประเภทนี้แล้ว เราก็จะสามารถปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพของเนื้อหาบนเว็บไซต์ของเราให้มากขึ้น รองรับความต้องการของลูกค้าอย่างเต็มที่


4. รวมการวิจัยคีย์เวิร์ด


อย่างไรก็ดี เนื้อหาของเว็บไซต์ที่ดีเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอที่จะเพิ่มยอดเข้าชมเว็บไซต์ แต่ต้องมีกลวิธีในการใช้คีย์เวิร์ด (Keyword) เพื่อเป็นตัวกำหนดแนวทางในการเขียนคอนเทนต์ที่มีคุณภาพและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่น หากคุณเป็นเจ้าของเว็บไซต์ที่เสนอแอปพลิเคชัน AI ซึ่งจากการวิจัยคีย์เวิร์ดพบว่าผู้คนมีการค้นหาคำว่า “AI ที่ดีที่สุดสำหรับการทำ SEO” ซึ่งชี้แจงถึงความต้องการเฉพาะของผู้ใช้งาน ที่ต้องการ AI ที่ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการทำ SEO ดังนั้น ถ้าเว็บไซต์ของคุณเน้นไปที่การเสนอแนะแอปพลิเคชัน AI ก็ควรมีเนื้อหาที่แนะนำและเน้นย้ำความสามารถของ AI ในการสนับสนุนการทำบทความ SEO ซึ่งการมีเนื้อหาแบบนี้จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณตอบสนองความต้องการของผู้ที่ค้นหา และส่งผลให้มียอดคลิกเข้าชมเว็บไซต์มากขึ้น และมีโอกาสที่เว็บจะติดอันดับหน้าแรกบน Google ได้ง่ายๆ อีกด้วย


ทั้งนี้การวิจัยคีย์เวิร์ดนั้นค่อนข้างมีความซับซ้อน แต่คุณควรทราบว่ามีคำค้นหาใดบ้างที่กลุ่มเป้าหมายของคุณกำลังค้นหา โดยพิจารณาการใช้เครื่องมือต่อไปนี้



  • Ahrefs
  • Ubersuggest
  • Google Keyword Planner


โดยเครื่องมือเหล่านี้จะช่วยให้คุณรู้ว่ากลุ่มเป้าหมายกำลังค้นหาสิ่งใด รวมถึงความถี่ของการค้นหา จากนั้นคุณสามารถเริ่มกระบวนการร่างโครงร่าง และผลิตคอนเทนต์หรือเนื้อหาที่เหมาะสมและตอบโจทย์กับผู้เข้าชมเว็บไซต์


5. เขียนเนื้อหาบนเว็บไซต์และปรับปรุงแก้ไข


ขั้นตอนต่อไปก็คือการลงมือเขียนเนื้อหาบนเว็บไซต์ โดยเริ่มจากเนื้อหาสำหรับหน้าหลักของเว็บไซต์ อาจจะรวมถึงหน้าแรก (Homepage) หน้าเกี่ยวกับเรา (About Us) หรือหน้าติดต่อ (Contact Us) ซึ่งเมื่อเรามีข้อมูลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว การสร้างคอนเทนต์ที่สื่อสารกับผู้ชมจะง่ายขึ้น โดยคุณสามารถเขียนหัวข้อ เนื้อหาต่างๆ รวมถึง Call to Action (CTA) ที่ตอบสนองต่อกลุ่มเป้าหมาย ควรเขียนให้ตรงไปตรงมาและสื่อสารกับผู้เข้าชมเว็บไซต์ของคุณ ซึ่งการทำเช่นนี้ต้องการทักษะ เริ่มต้นด้วยหัวข้อย่อยที่ชัดเจน ประโยคเชิญชวนที่มีแรงจูงใจ และหมั่นปรับปรุงแก้ไขเนื้อหาโดยใช้การวิจัยคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องและกำลังมาแรงเพื่อทำให้เว็บไซต์ติดในหน้าค้นได้ง่ายขึ้น รวมถึงอย่าลืมตรวจสอบความถูกต้องของข้อความ จะช่วยให้เว็บไซต์มีคุณภาพ มีมาตรฐานและมีความน่าเชื่อถือได้มากขึ้น


6. เผยแพร่เนื้อหาของคุณและอัปเดตอย่างเป็นครั้งสุดท้าย


หลังจากสร้างเนื้อหาเว็บไซต์ที่สมบูรณ์แล้ว ทุกอย่างที่เหลือก็คือการกดปุ่มเผยแพร่เท่านั้น อย่างไรก็ตามกระบวนการเขียนยังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะเนื้อหาที่เขียนบนอินเทอร์เน็ตย่อมมีความล้าสมัยไปเป็นธรรมดา แม้กระทั่งเนื้อหาที่เป็น Evergreen หรือเนื้อหาที่สามารถนำไปใช้ได้ตลอดก็อาจมีการเปลี่ยนแปลงอัปเดตได้ในบางครั้ง ซึ่งนี่คือเหตุผลที่การเขียนเนื้อหาบนเว็บไซต์ต้องมีการอัปเดตเป็นครั้งคราว


ทั้งนี้ เมื่อเวลาผ่านไป ปัญหาของกลุ่มเป้าหมายและผู้ชมอาจเปลี่ยนไป หรือวัตถุประสงค์หลักของเว็บไซต์อาจมีการพัฒนา ดังนั้นจึงมีความจำเป็นในการปรับปรุงเนื้อหาบ้าง แต่ก็อย่าลืมคำนึงถึงทั้งโครงสร้างและการทำ SEO ของเว็บไซต์ด้วยนะคะ


วิธีการเขียนเนื้อหาเว็บไซต์โดยใช้ AI


อย่างที่เรารู้กันดีว่า การเขียนเนื้อหาคอนเทนต์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสำหรับเว็บไซต์ หน้าแลนด์ดิ้งเพจ (Landing Page) หรือบทความ บล็อก (Blog) นั้นเราสามารถใช้เวลาในการเขียนและมีกระบวนการสร้างเนื้อหาได้อย่างรวดเร็วและมีคุณภาพ ด้วยการใช้ AI เข้ามาช่วย ซึ่ง Anissa เป็นโปรแกรมที่ใช้ AI ในการสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณภาพสูง ช่วยให้คุณประหยัดเวลาในการทำคอนเทนต์ได้ถึงครึ่งหนึ่งหรือมากกว่านั้น โดยสร้างเนื้อหา AI ที่มีคุณภาพสูง ที่ไม่ซ้ำกับผู้อื่นและตรงตามความต้องการของคุณ โดยขั้นตอนการเขียนเนื้อหาบนเว็บไซต์ มีขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้



  1. เลือกเทมเพลต Landing Page
  2. ป้อนชื่อสินค้า/บริการ
  3. ป้อนชื่อแบรนด์ของสินค้า/บริการ
  4. ใส่ข้อมูลเพิ่มเติมอื่นๆ
  5. ระบุกลุ่มเป้าหมายของคุณ
  6. เลือกภาษาที่ต้องการ


นอกจากนี้ Anissa ยังมี Template สำหรับการเขียนเนื้อหาบนเว็บไซต์มากมายที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้คุณเริ่มต้นการเขียนเว็บไซต์ของคุณได้ง่ายขึ้น เช่น



  1. Landing Page
  2. About Us (เกี่ยวกับเรา)
  3. Sales Page (เซลล์เพจ)
  4. Privacy Policy (นโยบายความเป็นส่วนตัว)
  5. Terms and Conditions (ข้อกำหนดและเงื่อนไข)
  6. คำรับรองสินค้า/บริการ (Testimonial Quote)
  7. Call to Action (CTAs)
  8. 404 Error Page
  9. Website Layout (โครงร่างเว็บไซต์)


แม้ใครหลายคนจะมองว่า การเขียนเนื้อหาสำหรับเว็บไซต์เป็นงานที่ต้องใช้เวลาและทักษะในการเขียน แต่หากเรามีการนำ AI เข้ามาใช้อย่างเช่น Anissa ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยให้การเขียนเนื้อหาเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีคุณภาพ แต่ยังช่วยให้นักเขียนสามารถใช้เวลาในการทำงานอื่นๆ ที่มีประโยชน์มากขึ้นอีกด้วย ซึ่งตอนนี้เพื่อนๆ สามารถทดลองใช้งาน Anissa ได้ฟรีถึง 7 วัน ให้คุณสามารถทดสอบและเห็นความสามารถอันน่าทึ่งได้ด้วยตนเอง พร้อมก้าวข้ามขีดจำกัดและสัมผัสประสบการณ์อื่นๆ ที่ช่วยให้คุณใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น แต่อย่างไรก็ดี สิ่งที่ควรคำนึงก็คือ AI เป็นเพียงเครื่องมือช่วยเท่านั้น ผู้ใช้จึงควรทบทวนและปรับเปลี่ยนเนื้อหาให้ตรงกับความเหมาะสมของเนื้อหาต่างๆ ให้มีความสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น

logo anissa

Anissa คือ AI ผู้ช่วยอัจฉริยะ ที่จะมาช่วยคุณในการสร้าง บทความ SEO คอนเทนต์ แคปชั่น หรือการบ้านและงานวิจัย ให้ง่ายขึ้นด้วยพลังของ AI

Privacy Policy

Follow & Contact Us

facebookigtiktokyoutubeline

© 2023-2024 All rights reserved., Anissa AI is issued by Luca Block Co., Ltd.